วันจันทร์ที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ที่เที่ยว พิษณุโลก อุทยานแห่งชาติน้ำตกชาติตระการ

อุทยานแห่งชาติน้ำตกชาติตระการ





 อุทยานแห่งชาติน้ำตกชาติตระการ มีพื้นที่ครอบคลุมอยู่ในท้องที่อำเภอชาติตระการและอำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลกสภาพทั่วไปเป็นป่าอุดมสมบูรณ์และธรรมชาติที่สวยงาม เป็นต้นว่า น้ำตกชาติตระการ หรือที่ชาวบ้านเรียกติดปากว่า “น้ำตกปากรอง”  เพราะตั้งอยู่ที่หมู่บ้านปากรอง น้ำตกชาติการนี้มีความสวยงามมากและมีความสูงถึง 7 ชั้นหน้าผาสูงชันที่มีสีสันผิดแปลกกันเป็นร่องรอยของศิลปะ ยุคแรกของมนุษย์ คือ รอยแกะสลักกับแผ่นดินและจุดชมวิวทิวทัศน์บนยอดเขาสูง ๆ มีเนื้อที่ประมาณ 543 ตารางกิโลเมตร หรือ 339,375 ไร่ ได้ประกาศจัดตั้งให้เป็น "อุทยานแห่งชาตินำตกชาติตระการ" เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2530 








• โดยทั่วไปอากาศเย็นสบายดี ฤดูร้อนระหว่างเดือนมีนาคม-พฤษภาคม อุณหภูมิประมาณ 25-29 องศาเซลเซียส ฤดูฝนระหว่างเดือนมิถุนายน-ตุลาคม และฤดูหนาวระหว่างเดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์อากาศจะหนาวมากในเวลากลางคืน 





 การเดินทาง
• เส้นแรกจากจังหวัดพิษณุโลก ไปตามเส้นทางหลวงพิษณุโลก-หล่มสัก เลี้ยวซ้ายเข้าอำเภอนครไทย และจากอำเภอนครไทย เดินทางสู่ อำเภอชาติตระการ ก่อนถึงอำเภอชาติตระการ 1 กิโลเมตร มีทางแยกเลี้ยวขวาไปอีกประมาณ 10 กิโลเมตร และเลี้ยวขวาเข้าเส้นทางของอุทยานฯ อีก 2 กิโลเมตร รวมระยะทางประมาณ 145 กิโลเมตร 
• เส้นที่สองจากจังหวัดพิษณุโลก ไปตามถนนสายเอเซีย-พิษณุโลก-อุตรดิตถ์ แยกเข้ากิ่งอำเภอแสงขันธ์ (จังหวัดอุตรดิตถ์) เข้าสู่อำเภอชาติตระการเลยไปประมาณ 1 กิโลเมตร เลี้ยวซ้ายไป 10 กิโลเมตร จึงเข้าที่ทำการอุทยานฯ ระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร รวมระยะทางประมาณ 160 กิโลเมตร







สิ่งอำนวยความสะดวก
• อุทยานแห่งชาติน้ำตกชาติตระการ มีบ้านพัก ร้านอาหารและสถานที่กางเต้นท์ไว้บริการนักท่องเที่ยว
การติดต่อ อุทยานแห่งชาติน้ำตกชาติตระการ
• ต.ชาติตระการ, อ.ชาติตระการ จ.พิษณุโลก 65170 โทรศัพท์ : (055) 237028



ที่เที่ยว พิษณุโลก น้ำตกแก่งโสภา




น้ำตกแก่งโสภา

ปลายฝนต้นหนาวนี้ต้องไม่พลาดไปเที่ยว "น้ำตกแก่งโสภา" น้ำตกสวยแห่งอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง อุทยานแห่งชาติที่มีพื้นที่ครอบคลุมท้องที่อำเภอวังทอง อำเภอนครไทย อำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก และอำเภอเขาค้อ อำเภอวังโป่ง จังหวัดเพชรบูรณ์       น้ำตกแก่งโสภา เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่เกิดจากลำห้วยเข็กใหญ่ไหลผ่านหน้าผาขนาดใหญ่ลดหลั่นกันประมาณ 3 ชั้น และไหลผ่านไปตามแก่งหินอีกหลายแก่ง ตั้งอยู่ระหว่างกิโลเมตรที่ 71-72 ของทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 12 (พิษณุโลก-หล่มสัก) ซึ่งจะมีทางแยกเข้าไปประมาณ 2 กิโลเมตร รวมภาพน้ำตกแก่งโสภา อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง 

น้ำตกแก่งโสภา อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง 


  ที่มา :      http://travel.thaiza.com






น้ำตกแก่งซอง


น้ำตกแก่งซอง  เป็นแหล่งท่องเที่ยวในเขตอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง ด้านจังหวัดพิษณุโลก ตั้งอยู่ที่ตำบลแก่งซอง ริมทางหลวงหมายเลข 12 บริเวณ กม.45 เกิดจากลำน้ำเข็กลดระดับทำให้ธารน้ำมีลักษณะเป็นน้ำตก มีขนาดใหญ่กว่าน้ำตกสกุโณทยานที่อยู่บนเส้นทางสายเดียวกัน บริเวณน้ำตกแก่งซอง มีบ้านเรือนต่างๆ ตั้งอยู่ริมน้ำตก มีสะพานแขวนเดินชมทิวทัศน์แม่น้ำเข็กและข้ามไปหมู่บ้านฝั่งตรงข้าม ตามรายทางใกล้กับน้ำตกแก่งซอง มีร้านอาหาร ร้านกาแฟและบริการล่องแก่งน้ำเข็กที่ตื่นเต้นสนุกสนาน ล่องได้เฉพาะช่วงฤดูน้ำหลากประมาณสิงหาคมถึงตุลาคม

ที่ตั้ง
ลำน้ำเข็กเป็นลำน้ำที่กำเนิดจากเทือกเขาเพชรบูรณ์ในเขตอำเภอเขาค้อ ไหลผ่านอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง เนื่องจากผ่านเทือกเขาที่ลดหบลั่นเป็นลำดับ จึงมีน้ำตกและเกาะแก่งตามลำน้ำแห่งนี้อยู่มากมาย อาทิ น้ำตกศรีดิษฐ์ น้ำตกแก่งโสภา ที่เลื่องชื่อของพิษณุโลก น้ำตกปอย น้ำตกแก่งซองและน้ำตกสกุโณทยาน แล้วไหลผ่านอำเภอวังทอง ซึ่งนิยมเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า แม่น้ำวังทอง ไปรวมกับแม่น้ำน่านที่อำเภอบางกระทุ่ม จุดลงล่องแก่งลำน้ำเข็กสามารถลงได้หลายจุด บริเวณบ้านทรัพย์ไพรวัลย์ อ.วังทอง จ.พิษณุโลก ช่วง กม.ที่ 52 – 53
เป็นลำน้ำที่มีขนาดปานกลางไม่ใหญ่นัก และมีเกาะแก่งสวยงาม คดเคี้ยวบ้าง ตรงบ้าง ฤดูฝน ปริมาณน้ำมาก มีระดับสูง ไหลแรงมีสีขุ่น ฤดูแล้ง น้ำน้อย สีใส สองฟากฝั่งสวยงามร่มรื่นด้วยป่าไม้ตามธรรมชาติ มีนกกระยาง และนกอื่น ๆ อาศัยอยู่มาก มีปลาหลายชนิด

จุดเด่นของลำน้ำและกิจกกรม
ลำน้ำเข็กเป็นลำน้ำที่สามารถนำเรือยางมาใช้ล่องแก่งได้อย่างสนุกสนานเร้าใจ ตลอดเส้นทาง คือ ระยะทางล่องแก่งประมาณ 7-8 กิโลเมตร ใช้ระยะเวลา 2 – 3 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับระดับกระแสน้ำที่ไหลเคียงคู่ขนานกับทางหลวงหมายเลข 12 (เส้นทางพิษณุโลก-หล่มสัก ที่ได้รับการกล่าวขานว่าเป็น The Green Route) เข้าถึงสะดวก สามารถเลือกจุดขึ้นลงได้ตามความเหมาะสม ระดับความท้าทายมีตั้งแต่ระดับความง่ายไปจนถึงยากระดับ 1 – 5 ซึ่งถือว่ามีเพียงแห่งเดียวในประเทศไทย ที่มีความพิเศษตรงที่เริ่มจากผ่านเกาะแก่งที่ง่ายไปถึงยากตามลำดับ หากไม่ต้องการล่องแก่งต่อก็สามารถพายเรือยางเข้าหาฝั่งและขึ้นรถได้ ระหว่างเส้นทางล่องแก่ง มีทัศนยภาพที่สวยงามของป่าไม้สองข้างทาง พบเกาะแก่งมากมาย กระจายอยู่ตามลำน้ำเป็นระยะไม่น่าเบื่อ มีระยะให้พัก และเตรียมตัวก่อนลงแก่งต่อไป ฝึกการทำงานเป็นหมู่คณะ การระดมความคิดและความสามัคคี รวมทั้งได้ออกกำลังกายกึ่งผจญภัยที่ท้าทาย สนุกสนานและได้รับคามรู้ เมื่อถึงจุดขึ้นจากเรือยาง สามารถพักผ่อนชิมกาแฟสดแก่งซอง กาแฟท้องถิ่นพันธุ์ดี รสชาติดี กลิ่นหอม กลมกล่อมไม่แพ้ที่อื่น หรือเลือกเข้าที่พักในบ้านพักรีสอร์ทสวย หรือ
เข้าห้องน้ำ อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเดินทางต่อไปได้




















ข้อควรระวังในการล่องแก่งลำน้ำเข็ก
ลำน้ำเข็กค่อนข้างจะมีความรุนแรงเชี่ยวกรากในช่วงฤดูฝนที่มีฝนตกชุก แต่ในช่วงฤดูฝนนั้นนักท่องเที่ยวสามารถเล่นเรือยางล่องแก่งต่างๆ ได้อย่างสนุกสนานเร้าใจเป็นอย่างมาก
ตั้งแต่เดือนมิถุนายน-ตุลาคม ขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำฝนในแต่ละปี


ลักษณะน้ำ

  เป็นลำน้ำที่มีขนาดปานกลางไม่ใหญ่นัก และมีเกาะแก่งสวยงาม คดเคี้ยวบ้าง ตรงบ้าง ฤดูฝน ปริมาณน้ำมาก มีระดับสูง ไหลแรงมีสีขุ่น ฤดูแล้ง น้ำน้อย สีใส สองฟากฝั่งสวยงามร่มรื่นด้วยป่าไม้ตามธรรมชาติ มีนกกระยาง และนกอื่น ๆ อาศัยอยู่มาก มีปลาหลายชนิด






 ฤดูการล่องแก่งที่เหมาะสม
ตั้งแต่เดือนมิถุนายน-ตุลาคม ขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำฝนในแต่ละปี




ข้อมูลจาก : TLC Thaiดอทคอม

วันอาทิตย์ที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ที่เที่ยว พิษณุโลก น้ำตกสกุโณทยาน


สวนรุกขชาติสกุโณทยาน

              สวนรุกขชาติสกุโณทยาน เดิมมีชื่อว่า วนอุทยานวังนกแอ่น ตั้งอยู่ริมฝั่งขวาของแม่น้ำวังทองที่ไหลมาจากลำน้ำเข็กที่มีต้นน้ำมาจากเทือกเขาเพชรบูรณ์ ชื่อน้ำตกวังนกแอ่น เป็นน้ำตกที่มีเกาะแก่งที่สวยงามเป็นที่รู้จักของคนทั่วไป มาตั้งแต่  ปี  พ.ศ. 2473  และเมื่อ ปีพ.ศ.  2497 จอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีและท่านคุณหญิง ละเอียด พิบูลสงคราม ได้เดินทางมาเยี่ยมชมน้ำตกวังนกแอ่นโดยนายกรัฐมนตรี ได้มีการสั่งการให้จัดตั้ง น้ำตกวังนกแอ่น เป็นวนอุทยานเพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ ศึกษาพันธุ์ไม้และสัตว์ป่าของประชาชน  เพราะบริเวณที่ตั้งของน้ำตกวังนกแอ่นอยู่ใกล้ตัวเมืองและมีธรรมชาติที่สวยงาม  และได้เปิดเป็นวนอุทยานวังนกแอ่นเมื่อ ปี พ.ศ. 2498
               เมื่อปี พ.ศ. 2501 วันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2501 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จประพาสสวน วนอุทยานวังนกแอ่น ประทับพักผ่อนพระอิริยาบทที่พลับพลารับเสด็จ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าพระราชทานนาม  สกุโณทยาน แทนคำว่า  วังนกแอ่น  วนอุทยานวังนกแอ่น จึงเปลี่ยนมาเป็น วนอุทยานสกุโณทยาน จนถึงปัจจุบัน






               ภายในวนอุทยาน มีต้นไม้สำคัญคือต้นไม้ของพ่อและแม่ ของแผ่นดิน ทรงปลูกต้นไม้เพื่อเป็นสิริมงคลแก่สถานที่ โดยปลูกไว้บริเวณ ด้านหน้าพลับพลารับเสด็จ โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงปลูก ต้นประดู่ เพื่อเป็นสัญลักษณ์ความมั่นคง ความสามัคคีของประชาชน และประเทศชาติ สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ทรงปลูก ต้นพยอม เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งชื่อเสียง เกียรติยศ และเป็นมิ่งขวัญของคนไทยทั้งชาติ ปัจจุบันต้นไม้ได้เจริญงอกงามเป็นมิ่งขวัญและกำลังใจให้ชาวพิษณุโลกและคนไทยทั้งหลายที่เข้าไปยังสวนรุกขชาติแห่งนี้ ให้ช่วยกันรักษาสิ่งแวดล้อมตามรอยพ่อและแม่ของแผ่นดิน
               ลักษณะภูมิประเทศ สภาพพื้นที่ทั่วไปเป็นที่ราบเนินเขา มีแม่น้ำเข็กไหลผ่านทางด้านทิศใต้  สภาพป่าเป็นป่าเบญจพรรณและป่าเต็งรัง ลักษณะดินเป็นดินร่วนปนทราย และดินลูกรัง มีการระบายน้ำได้ดีมาก ลักษณะอากาศโดยทั่วไปมีสภาพร้อนชื้น อุณหภูมิเฉลี่ยต่อปี 29 องศา พื้นที่จัดตั้งเป็นสวนรุกขชาติสกุโณทยาน เดิมประมาณ 686 ไร่ เมื่อปี พ.ศ. 2543 มีการรังวัดพื้นที่ด้านทิศใต้และได้ผนวกพื้นที่เป็นของสวนรุกขชาติเพิ่มเติมอีก 128 ไร่ รวมเนื้อที่ทั้งหมด 814 ไร่  ทิศเหนือ ติดทางหลวงพิษณุโลก - หล่มสัก ,ทิศใต้จรด แม่น้ำเข็ก (แม่น้ำวังทอง) , ทิศตะวันออก จรดกรมรบพิเศษ ที่ 4 (ค่ายสฤษดิ์เสนา), ทิศตะวันตก จรดเขตป่าและหมู่บ้านวังนกแอ่น เป็นสวนรุกขชาติที่มีธรรมชาติที่ยังคงสมบูรณ์อยู่มากอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดพิษณุโลก
               บริเวณน้ำตกและสวนรุกขชาติจัดว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามและมีครบครันในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น ธรรมชาติ น้ำตก กิจกรรมท่องเที่ยว สถานที่พักผ่อน ร้านบริการอาหารเครื่องดื่ม ด้านหน้าเป็นลานจอดรถขนาดใหญ่ตามด้านข้างก็เต็มไปด้วยร้านค้าต่าง ๆ หลายสิบร้านเรียงเป็นแถวยาวที่บริการทั้งอาหารรสชาติดีและเครื่องดื่มนานาชนิด ทั่วบริเวณเต็มไปด้วยต้นไม้สูงใหญ่  ถัดเข้าไปด้านในก็จะเป็นสวนรุกขชาติขนาดใหญ่ ทำทางเดินเป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติไว้โดยรอบ สภาพป่าส่วนใหญ่เป็นป่าเบญจพรรณประกอบด้วยไม้พยอม เหียง ที่ขึ้นอยู่หนาแน่นและมีไม้ยืนต้นมากมายที่มีสรรพคุณเป็นยาแผนโบราณ เช่น ไม้สัก ประดู่ ตะเคียนทอง ตะแบกเลือด พยอม มะม่วงป่า หัสคุณ กรวยป่า ตะค้อ หมีเหม็น แดง อ้อยช้าง และไม้ล้มลุกที่เป็นสมุนไพร เช่น ข่า กระชาย เอื้ยงหมายนา นมสวรรค์ ทิพย์เนตร เปาะ กระทือ โด่งไม่รู้ล้ม เป็นต้น
               สวนรุกขชาตินอกจากมีพันธุ์ไม้ต่าง ๆแล้ว ภายในสวนรุกขชาติยังเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าอีกหลายชนิด เช่น  ไก่ป่า นกอีแซวหางบ่วง นกโพระดก นักหัวขวาน นกตะขาบท่ง นกกระปูก นกเค้าแมว นกอีเภาหัวหงอก กระแต กะเลนเต พังพอน  ฯลฯ สัตว์จำพวกปลาในลำน้ำเข็กเช่น ปลากดคัง ปลาค้าว ปลากราย ปลากา ปลาบู่ ปลาตะเพียน ปลายี่สก ปลากระทิง ปลาซิว ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีกล้วยไม้ป่าขึ้นอยู่ตามต้นไม้มากมายหลายชนิด เรียกว่าเดินชมศึกษาธรรมชาติกันแบบเต็มอิ่มครับ หรือจะปั่นจักรยานก็สามารถทำได้ครับมีเส้นทางอย่างดี ภายในสวนรุกขชาติอากาศเย็นสบายมาก ๆ เหมาะสำหรับคนที่รักในธรรมชาติมาก ๆ และพี่ ๆเจ้าหน้าที่เขาแนะนำเกี่ยวกับไม้มงคล ในสวนป่าที่ใช้ปลูกในพิธีวางศิลาฤกษ์ หมูหิน.คอมเลยเก็บข้อมูลมาฝากกัน มีทั้งหมด 9 ชนิด ได้แก่   ไม้ราชพฤษ์ หมายถึง ความยิ่งใหญ่และอำนาจวาสนา ,ไม้ขนุน หมายถึง หนุนให้ดีขึ้น ร่ำรวยขึ้น ,ไม้ชัยพฤกษ์ หมายถึง การมีโชคชัย ชัยชนะ,ไม้ทองหลาง หมายถึง มีเงินทอง,ไม้พะยูง หมายถึง การพยุงฐานะให้ดีขึ้น,ไม้กันเกรา หมายถึง การป้องกันภัยอันตรายต่างๆ ทำให้เสาเรือนมั่นคง ,ไม้ไผ่สีสุก หมายถึง มีความสุข ,ไม้ทรงบาดาล หมายถึง ความมั่นคง หรือทำให้บ้านแข็งแรง ,ไม้สัก หมายถึง ความมีศักดิ์ศรี ความมีเกียรติ อยากปลูกต้นอะไรก็ลองดูครับ
               บริเวณที่ทำการสวนรุกขชาติสกุโณทยาน ด้านข้างจะเป็นสวนหิน ซึ่งเป็นสวนหินที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ เป็นลานหินสวยงามมาก นอกจากนั้นยังมีไม้กลายเป็นหินความสำคัญของซากดึกดำบรรพ์ไม้กลายเป็นหินเปรียบเสมือนกุญแจไปสู่โลกในอดีตและย้อนยุคได้ถึง 300-400 ล้านปีก่อน และฝั่งตรงข้ามกันจะเป็นลานพลับพลารับเสด็จและศาลาวนาศัย ซึ่งกรมป่าไม้ได้จัดสร้างถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เมื่อครั้งเสด็จประพาสสวนอุทยานฯ เมื่อปี พ.ศ.2501 เจ้าหน้าที่ดูแลรักษาไว้อย่างดี
               หลังจากที่เราเดินศึกษาธรรมชาติในสวนรุกขชาติแล้วเราก็มาถึงยังตัวน้ำตกสกุโณทยาน เดินเท้าเข้ามาประมาณ 300 เมตร น้ำตกสกุโณทยานอยู่ในลำน้ำเข็ก เกิดจากสายน้ำไหลผ่านแก่งหินขนาดกว้างที่ยุบตัวลง 90 อาศา และมีแอ่งน้ำรับทางด้านล่าง   ตัวน้ำตกเป็นแก่งขนาดใหญ่ สูงประมาณ 10 เมตร และกระแสน้ำไหลค่อนข้างรุนแรงเพราะเป็นช่วงหน้าฝน แต่เราสามารถเดินเข้าไปชมได้แบบใกล้ ๆ  เสียงน้ำไหลกระทบกับอ่างด้านล่างเสียงดังสนั่น รอบน้ำตกมีลานหินและที่พื้นราบสำหรับนั่งพักผ่อนตลอดแนว  ฤดูท่องเที่ยวคือช่วงหน้าหนาว น้ำจะไหลเฉื่อย ๆ ผ่านโขดหินขนาดใหญ่ ช่วงต้นหนาวน้ำจะใสและสวยมาก  นอกจากน้ำตกแล้ว ริมน้ำยังมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติ เป็นเส้นทางที่ทำขึ้นเพื่อใช้ศึกษาธรรมชาติในระยะใกล้มุ่งเน้นถึงการสื่อความหมายธรรมชาติอย่างเป็นระบบ เพื่อให้ความรู้ แก่นักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินชมธรรมชาติที่ไม่ไกลและไม่ลำบาก มากนัก



               ลำน้ำเข็ก เป็นลำน้ำที่มีแหล่งกำเนิดมาจากเทือกเขาเพชรบูรณ์ทางด้านอำเภอเขาค้อ ไหลผ่านอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวงและผ่านเทือกเขาที่ลดหลั่นลงมาเป็นน้ำตกศรีดิษฐ์ ในเพชรบูรณ์ จากนั้นไหลผ่านลำน้ำอันคดเคี้ยวกลายมาเป็นน้ำตกปอย  น้ำตกแก่งซอง และน้ำตกสกุโณทยาน แล้วไหลผ่านอำเภอวังทอง ถูกเปลี่ยนชื่อมาเป็นแม่น้ำวังทอง จากนั้นไหลผ่านไปรวมกับแม่น้ำน่านที่อำเภอบางกระทุ่ม ลำน้ำเข็กเป็นแม่น้ำที่ไม่ใหญ่มากนัก ในช่วงฤดูฝนกระแสน้ำจะไหลเชี่ยวกราดเป็นสีน้ำตาลเข้ม แต่ในช่วงฤดูร้อนกระแสน้ำจะลดความรุนแรงลงเปลี่ยนมาเป็นสายน้ำสีขาวสดใส
               บนเส้นทางหมายเลข12 นอกจากที่เราจะได้เที่ยวชม น้ำตกสกุโณทยานแล้ว ตลอดเส้นทางยังมีแหล่งท่องเที่ยวและน้ำตกอีกหลายแห่งให้เราได้เข้าไปเที่ยวชม อาทิเช่น น้ำตกแก่งซอง,น้ำตกปอย,น้ำตกแก่งโสภา,อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง,ล่องแก่งลำน้ำเข็ก เรียกว่าเดินทางท่องเที่ยวกันแบบทั้งวันครับ
               น้ำตกสกุโณทยาน ตั้งอยู่ใน สวนรุกขชาติสกุโณทยาน  ริมทางหลวงหมายเลข 12 กม.ที่33  อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก เปิดให้เข้าชมตั้งแต่ 6.00- 18.00 น. ทุกวัน สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่  055-252742-3,055-259907 สอบถามข้อมูลก่อนการเดินทางครับ
               การเดินทางมายังน้ำตกสกุโณทยาน ก็ไม่ยากครับเพราะตัวน้ำตก ตั้งอยู่ริมทางหมายเลข 12   เดินทางจากตัวเมืองพิษณุโลก มาบนทางหลวงหมายเลข 12 พิษณุโลก-หล่มสัก บริเวณ กม.ที่ 33  จะสังเกตเห็นป้ายทางเข้า ทางด้านขวามือ เลี้ยวขวาขับเข้ามาอีกประมาณ 1 กม. จะถึงลานจอดรถ และเดินเท้าลงไปยังตัวน้ำตกประมาณ 100 เมตร  เดินทางสะดวกครับมีป้ายบอกทางตลอดเส้นทาง


ข้อมูลจาก : http://moohin.com

ที่เที่ยว พิษณุโลก น้ำตกปอย


น้ำตกปอย



        น้ำตกปอย เป็นน้ำตกที่อยู่ในลำน้ำเข็กสายน้ำที่ไหลทอดยาวมาจากเทือกเขาเพชรบูรณ์ เป็นน้ำตกที่เกิดจากลำน้ำเข็กไหลผ่านความลดหลั่นของผาหินธรรมชาติเป็นชั้น ๆ ลักษณะเป็นแก่งและเป็นผาหินสูงชันประมาณ 20 เมตร 

      เป็นน้ำตกที่ตั้งอยู่กลางชุมชนทั้งสองฝั่งริมน้ำเข็ก ก็คือหมู่บ้านปากน้ำปอย, บ้านน้ำพรม, บ้านป่ามะกรูด ที่ยังคงใช้ชีวิตอยู่กับน้ำตกแห่งนี้มาตั้งแต่อดีต จนถึงปัจจุบัน เป็นน้ำตกที่มีทัศนียภาพสวยงามมีทั้งธรรมชาติที่สมบูรณ์และชุมชนที่อยู่แบบไม่เบียดเบียนกัน สภาพโดยรอบ ร่มรื่นเต็มไปด้วยต้นไม้เหมาะสำหรับเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ เป็นอย่างยิ่งครับ       น้ำตกปอย เป็นน้ำตกขนาดใหญ่อีกแห่งหนึ่งของพิษณุโลก ลักษณะเป็นแอ่งน้ำด้านข้างทั่วบริเวณน้ำตก กระแสน้ำที่ไหลผ่านเป็นแก่งเล็กแก่งน้อยสลับไปกับโขดหินน้อยใหญ่มากมาย และมีพืชน้ำหลายชนิดขึ้นอยู่ตามในแนวโขดหินทั่วบริเวณ ใต้ต้นไม้เป็นลานหินทั้งหมดเราสามารถเข้าไปนั่งพักผ่อนได้และแอ่งน้ำด้านข้างน้ำตกเราสามารถลงเล่นน้ำได้ตลอดแนว 



      น้ำตกปอยในหน้าฝนกระแสน้ำค่อนข้างจะเชียวกราดและสายน้ำจะออกสีเหลืองขุ่นเล็กน้อยไม่สามารถลงน้ำเล่นใกล้ตัวน้ำตกได้ แต่ในหน้าร้อนน้ำจะไหลไม่แรงและสายน้ำจะเปลี่ยนเป็นสีขาวสดใส เล่นน้ำได้ทั่วบริเวณ 
      น้ำตกปอย ตั้งอยู่ในบริเวณของ สวนป่ากระยาง ในความดูแลขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้สภาพทั่วไปเป็นที่ราบเนินเขา มีแม่น้ำเข็กไหลผ่านทางทิศใต้ ลักษณะภูมิอากาศเฉลี่ยต่อปี 29 องศา ในบริเวณสวนป่ากระยางมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติมี่ทำเป็นทางเดินอย่างดี เราสามรถใช้จักรยานในการชมธรรมชาติได้อีกทางหนึ่งภายในสวนป่ากระยางมีต้นไม้พันธุ์หายากต่าง ๆมากมายหลายชนิดที่เป็นไม้ท้องถิ่นและป่าที่ปลูกขึ้นใหม่อากาศค่อนข้างชื้นเล็กน้อยแต่ในหนาวอากาศหนาวเย็น 
      ภายในสวนธรรมชาติก็ทำเป็นอาคารขนาดใหญ ่สำหรับนั่งพักผ่อนทานอาหาร เมื่อเราเข้าไปภายในสวนธรรมชาติก็รู้สึกถึงอากาศที่แตกต่างจากข้างนอกรู้สึกเย็นสบาย คลายร้อนได้เป็นอย่างดี ภายในสวนป่ากระยางมีบริการบ้านพักสวยอยู่ติดริมน้ำเข็ก สำหรับนักท่องเที่ยวและประชาชนทั่วไปมีหลายแบบหลายขนาดให้เลือกใครที่ต้องการค้างแรมก็ติดต่อกับเจ้าหน้าที่องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ได้เลย 

      น้ำตกปอยตั้งอยู่ที่ หมู่บ้านปากน้ำปอย อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก ระหว่าง กม. ที่ 59 - 60 ทางหลวงหมายเลข 12 เป็นน้ำตกเปิดเข้าชมได้ทุกวันตั้งแต่เช้าจนเย็น การเดินทางมาท่องเที่ยวก็มาได้ทุกฤดูกาลแต่เหมาะที่สุดคือในหน้าร้อนคือตั้งแต่เดือนธันวาคม-เมษายน เพราะกระแสน้ำไม่แรงและน้ำจะใสสะอาด ลงเล่นได้สบาย 
      การเดินทางโดยรถยนต์ เดินทางมาบนทางหลวงหมายเลข 12 พิษณุโลก-หล่มสัก ผ่านอำเภอวังทอง จนถึงระหว่าง กม. ที่ 59 - 60 มีทางแยกเลี้ยวขวาไปยังน้ำตกปอยจากปากทางเข้าไปอีก 2 กิโลเมตร ก็จะถึงสวนป่ากระยางและน้ำตกปอย เดินทางสะดวกทางลาดยางตลอดครับ 



ข้อมูลจาก  : ไทยซ่า.คอม

ที่เที่ยว พิษณุโลก พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านจ่าทวี (จ่าสิบเอกทวี-พิมพ์ บูรณเขตต์)


พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านจ่าทวี (จ่าสิบเอกทวี-พิมพ์ บูรณเขตต์) 





     ตั้งอยู่ที่ถนนวิสุทธิกษัตริย์ ในตัวเมืองพิษณุโลก เป็นที่เก็บรวบรวมข้าวของเครื่องใช้พื้นบ้าน ซึ่งเป็นเครื่องมือทำมาหากินของชาวบ้านในอดีต ตั้งแต่ชิ้นเล็กๆ จนถึงชิ้นใหญ่ เช่น เครื่องจักสาน เครื่องปั้นดินเผา เครื่องใช้ในครัวเรือน เครื่องใช้ในการประกอบอาชีพ เช่น เครื่องวิดน้ำด้วยมือ เครื่องสีข้าว เครื่องมือดักจับสัตว์ รวมกันแล้วนับหมื่นชิ้น จนได้รับการยอมรับว่าเป็นขุมทรัพย์ทางประวัติศาสตร์และภูมิปัญญาไทย และได้รับรางวัลยอดเยี่ยมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยประเภทหน่วยงานส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยว เมื่อปี 2541

     จ่าสิบเอก ดร. ทวี บูรณเขตต์ ผู้ก่อตั้งพิพิธภัณฑ์ เป็นผู้ที่มีฝีมือในทางประติมากรรม และได้รับการเชิดชูเกียรติมากมาย ท่านได้รับการยกย่องให้เป็น บุคคลดีเด่นทางวัฒนธรรมสาขาการช่างฝีมือ แขนงช่างหล่อ ประจำปี 2526 และได้รับพระราชทานปริญญาศิลปศาสตร์ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์จากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒและมหาวิทยาลัยศิลปากร รวมทั้งการประกาศเกียรติคุณเป็น คนดีศรีพิษณุโลก

      พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านแห่งนี้ เปิดให้เข้าชมทุกวัน เว้นวันจันทร์ โดยเก็บค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 50 บาท เด็ก 20 บาท ตั้งแต่เวลา 8.30–16.30 น. โทร. 0 5521 2749, 0 5530 1668 ตรงข้ามกับพิพิธภัณฑ์ เป็นโรงหล่อพระบูรณะไทย ติดต่อเข้าชมการหล่อพระล่วงหน้า
โทร. 0 5525 8715 

วันเสาร์ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ที่เที่ยว พิษณุโลก ถ้ำพระวังแดง


ถ้ำพระวังแดง


 

           ถ้ำที่ยาวและใหญ่เชื่อมต่อกันหลายถ้ำ มีความยาวประมาณ 12.5 กิโลเมตร ถือว่าเป็นถ้ำที่ยาวมาก ภายในถ้ำมีห้องโถงขนาดใหญ่มีหินงอกหินย้อยสวยงาม และมีลำห้วยอยู่ด้านล่างภายในลำห้วยมีสิ่งที่น่าสนใจเป็นปลาพันธุ์ใหม่หายาก คือ ปลาค้อถ้ำพระวังแดง หรือ ปลาไม่มีตาเนื่องจากอาศัยอยู่ในถ้ำเป็นเวลานานจนมีการปรับสภาพให้เหมาะแก่การดำรงชีวิตภายในถ้ำซึ่งไม่มีแสงเพียงพอ ลักษณะลำตัวยาว 15 เซนติเมตร หลังค่อม ริมฝีปากหนา ไม่มีตา แต่เห็นเป็นรอยเล็กๆ และมีติ่ง
หนังด้านหน้า ลำตัวสีชมพูอมเหลืง ปลาอีกพันธุ์หนึ่งที่พบในถ้ำนี้คือ ปลาถ้ำพลวง หรือ ปลาตาบอดมีลักษณะแตกต่างจากปลาพลวงชนิดอื่นๆ คือ มีตาเล็กและมีหนังบางๆ หุ้มโดยรอบดวงตา ริมฝีปากหนา มีหนวด 2 คู่ หลังโค้งมนมีเกล็ดบางบำตัวสีชมพูจางปนกับสีเทาอ่อนๆ ยาวประมาณ 40 เซนติเมต



       








      การเข้าไปเที่ยวชมภายในถ้ำควรติดต่อเจ้าหน้าที่นำทางที่อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง (หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวงที่ 5) เพื่อหลีกเลี่ยงอันตายหรือพลัดหลง



วันเปิดทำการ : ทุกวัน
เวลาเปิดทำการ: 06.00 - 18.00

                                                                                                         

                                                                                             ข้อมูลจาก : การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

ไปเที่ยวที่พิษณุโลก(trip to Phitsanulok)


เกี่ยวกับพิษณุโลก

     คำขวัญประจำจังหวัด

            พระพุทธชินราชงามเลิศ ถิ่นกำเนิดพระนเรศวร สองฝั่งน่านล้วนเรือนแพ หวานฉ่ำแท้กล้วยตาก ถ้ำและน้ำตกหลากตระการตา

             พิษณุโลกเป็นจังหวัดใหญ่ ตั้งอยู่ในเขตภาคเหนือตอนล่าง และเป็นเมืองที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ เพราะเจริญรุ่งเรืองมายาวนานตั้งแต่ก่อนสมัยสุโขทัย อีกทั้งยังเคยเป็นเมืองหลวงแทนกรุงศรีอยุธยาถึง 25 ปีด้วยในอดีต พิษณุโลกได้รับการเรียกขานว่า “เมืองสองแคว” เพราะเป็นเมืองที่มีแม่น้ำ 2 สายไหลผ่าน คือ แม่น้ำน่านและแม่น้ำแควน้อย ปัจจุบันพิษณุโลกเป็นเมืองที่มีความเจริญในหลายด้าน และเป็นที่ตั้งของสถานที่สำคัญหลายแห่ง เช่น มหาวิทยาลัยนเรศวร สถาบันราชภัฏพิบูลสงคราม และท่าอากาศยาน อีกทั้งยังเป็นเมืองที่มีทางรถไฟตัดผ่าน และขบวนรถไฟสายเหนือแทบทุกขบวนล้วนวิ่งผ่านพิษณุโลกทั้งสิ้น จึงทำให้พิษณุโลกกลายเป็นจังหวัดศูนย์กลางทั้งในด้านการบิน การขนส่งทางบก รวมทั้งการค้าที่สำคัญของเขตภาคเหนือตอนล่างนอกจากนี้ พิษณุโลกยังเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญ ที่นับวันจะยิ่งเป็นที่นิยมมากขึ้น เนื่องจากเป็นจังหวัดที่มีแหล่งท่องเที่ยวสำคัญและมีชื่อเสียงหลายแห่ง ในหลากหลายรูปแบบ ทั้งในด้านของประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมประเพณี วิถีชีวิต และแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ มีทำเลที่ตั้งอยู่ใกล้กับจังหวัดท่องเที่ยวที่สำคัญอีกหลายจังหวัด คือ สุโขทัย เลย และเพชรบูรณ์ ทั้งยังเป็นจังหวัดที่มีการจัดการด้านการท่องเที่ยวที่มีประสิทธิภาพ แหล่งท่องเที่ยวต่างๆ มีศักยภาพในการรองรับนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี และมีสิ่งอำนวยความสะดวกในด้านการท่องเที่ยวครบครัน ทั้งที่พัก อาหาร ไปจนถึงกิจกรรมท่องเที่ยวต่างๆ ทำให้นักท่องเที่ยวที่มาเยือน จังหวัดพิษณุโลก มักประทับใจและกลับมาเยือนอีกในครั้งต่อๆ ไป


                                                                   ข้อมูลจาก  :   การท่องเที่ยวแห่งระเทศไทย